หลังจากที่ลุ้นระทึกอยู่นานว่า ปีใหม่นี้ จะได้มีโอกาสไปร่วมงานสวดมนต์ข้ามปีและทำบุญปีใหม่ ที่เวฬุวันหรือเปล่า และแล้วก็ได้มีโอกาสไปสมดังที่ตั้งใจไว้ การเดินทางไปกลับก็สะดวกสบายโล่งกว่าที่คิด ทั้งๆที่ไม่ได้จองตั๋วเดินทางล่วงหน้าเอาไว้ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้กลับเสียแล้ว เนื่องจากเช้าวันที่ 27 ธันวาคม ซือเจ๊โทรสอบถามเรื่องรถที่ศูยน์บริการนครชัยแอร์ แล้วพนักงานแจ้งว่า รถถูกจองเต็มทุกเที่ยวแล้ว ฟังแล้วอึ้งแม่เจ้าแล้วตูจากลับไงละเนียะ..พี่สาวก็เลยบอกให้ซือเจ๊เดินทางไปนั่งรอรถเสริมที่ศูนย์เลย มีแน่ๆเขาไม่ปล่อยให้ตกค้างหรอก ถ้ามานั่งโทรเช็คแบบนี้คงไม่ได้กลับ (ซวยแล้วโดนดุอีก) ซือเจ๊ก็เปลี่ยนแผนพร้อมกับทำใจว่าจะรอวันนี้วันเดียวถ้าไม่มีไม่กลับแล้วหล่ะยิ่งไม่ชอบรอคอยอะไรนานๆอยู่ด้วย มันเป็นการรอแบบไร้ความหวังมากๆฮ่าๆ..ซือเจ๊ไปถึงศูนย์ตอนบ่าย 2 ครึ่งนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ก็ประกาศแจ้งว่ามีรถว่าง 2 ที่นั่งแล้วพนักงานก็กวักมือเรียกซือเจ๊ (พนักงานกลายเป็นนางกวักเสียแล้ว) ให้รีบมาซื้อตั๋วโดยด่วนเดี๋ยวจะไม่ทันเพราะมีที่ซื้อตั๋วหลายที่ต้องแย่งที่กันกับคนที่ซื้อที่หมอชิต และแล้วเจ๊ก็ได้ขึ้นรถกลับขอนแก่นรอบ 18.00 น. เมื่อได้ตั๋วไปแล้วเราก็ต้องรีบจัดหาตั๋วกลับในทันที่ เลือกอยู่นานมันก็เต็มอีกแล้วทุกเที่ยว เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีว่างวันที่ 1 วันเดียวครับเป็นแบบ First Class ด้วยเจ๊ก็ไม่รอช้า รีบจองทันที ไม่งั้นอาจตกค้างได้ การเดินทางครั้งนี้ต้องขอขอบคุณพนักงานศูนย์บริการนครชัยแอร์เป็นอย่างมาก สำหรับความพยายามที่จะหาที่นั่งสักที่สำหรับซือเจ๊ตัวน้อยๆ อิอิ หลังกจากได้ตั๋วแล้วก็โล่งใจแล้วก็โทรแจ้งที่บ้านว่าจะกลับรอบนี้ถึงกี่โมงเค้าจะได้เตรียมตัวมารับได้ทันเวลา จากนั้นก็นั่งเล่นเน็ทระหว่างรอเวลาขึ้นรถ จนกระทั้งแบ๊ทโน๊ตบุ๊คหมด ก็ถึงเวลาขึ้นรถพอดี
หลังจากกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ตื่นเช้ามาก็มีอาหารเตรียมพร้อม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของซือเจ๊ทั้งนั้นเลย แล้วเจ๊จะช้าอยู่ใย..ฮ่าๆโซ๊ยซะน้ำหนักขึ้นทันตาเห็นเลย แม่เจ้าระยะเวลาไม่กี่วัน ไม่คิดว่าจะทำให้เจ๊อีดได้ขนาดนี้ (อันนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ รูปมันฟ้องอึดกว่านี้มีอีกไหมเนียะ?) อิอิ กลับบ้านมันดีอย่างนี้นี้เองแฮ่ะๆ 😛
การเดินทางกลับบ้านเที่ยวนี้ความตั้งใจหลักๆคือ กลับไปพักผ่อนก่อนเริ่มทำงานที่ใหม่ แล้วก็ตั้งใจกลับไปทำบุญปีใหม่และเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ที่เวฬุวัน ขอนแก่นหลังจากพลาดโอกาสมาหลายปี ปีนี้เลยได้มีโอกาสเข้าร่วมสมใจอยากซักที ช่วงสายของวันที่ 31 ซือเจ๊ได้เดินทางไปทำบุญถวายสังฆทานก่อน โดยตั้งใจไปถวายหนังสือสวดมนต์และชุดขาวสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งของชายและหญิงคละกันไป เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทางศูนย์ได้ใช้ประโยชน์จริง ซือเจ๊จึงเลือกถวายสองสิ่งนี้ให้แก่ศูนย์ จากนั้นก็ร่วมทำบุญโดยการบริจาคเงินให้แก่โรงทานเพื่อใช้จ่ายในเรื่องอาหารการกินของผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมและของพระสงฆ์ซึ่งต่อไปนี้ตั้งใจจะทำให้ได้อย่างนี้ทุกปี ตามกำลังทรัพย์ที่พอจะมีและตัวเองไม่เดือดร้อน การทำบุญครั้งนี้รู้สึกดีมากๆ หลังจากอยากทำมานานแล้ว
พอช่วงบ่ายก็เดินทางไปร่วมงานสวดมนต์ข้ามปี โดยที่ไม่รู้กำหนดการล่วงหน้าว่าในนั้นจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ต้องสวดบทสวดไหนบ้าง อะไรอย่างไร แต่ซือเจ๊ก็ไม่ได้ถามรอไปฟังเจ้าหน้าที่ชี้แจงอีกที ปีนี้คนไม่เยอะ เท่ากับปีที่แล้ว รวมทั้งอากาศก็ไม่หนาวมากเหมือนปีที่แล้ว พอได้เวลาทางศูนย์ก็แจ้งให้ทราบว่า พระบางส่วนเดินทางไปร่วมงานที่อัมพวัน เนื่องจากที่นั่นมีผู้คนล้นหลามออกมานอกวัดกันเลยทีเดียว ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปสวดมนต์ข้ามปีที่อัมพวัน แล้วก็ไปปฏิบัติธรรมที่นั่นเยอะมากๆ วิทยากรเล่าให้ฟังว่า เฉพาะผู้ปฏบัติธรรมทั่วไปก็เกือบ 2,000 คนแล้วนี่ยังไม่รวมคนที่จะไปร่วมงานสวดมนต์ข้ามปีและบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่ออีกนะ..โอว์..แม่เจ้าอยู่กันยังไงวะเนียะเยอะจริงๆ ส่วนที่เวฬุวันซือเจ๊ไม่ทราบจำนวนทั้งหมด เนื่องจากคนที่มาส่วนใหญ่เขาจะมาร่วมสวดมนต์แล้วก็กลับตอนงานเลิกช่วงตีหนึ่งก็มี นอนค้างก็มี บางคนก็ให้ที่บ้านมาส่ง แล้วก็มารับอีกทีในตอนเช้าหลังจากทำบุญตักบาตรเช้าเสร็จแล้ว
ช่วงที่ 1 : กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเริ่มต้นที่เวลา 17.30 โดยเริ่มต้นที่การทำวัตรเย็น และ เจริญพระพุทธมนต์ ตามปกติซึ่่งในนี้จะมีการสวดบทสวดเมตตาพรหมะวิหารภาวนา(มหาเมตตาใหญ่)ซึ่งเป็นบทสวดที่ยาวมาก กว่าจะเสร็จก็ราวๆทุ่มกว่า แต่ระว่างสวดมนต์ไปสักพักไฟฟ้าเกิดดับซะงั้น (มันแค่ดับนะไม่ได้ใหม้..)สาเหตุเกิดจากใช้ไฟเยอะเกินเนื่องจากคนมาร่วมงานเยอะทำให้เครื่งปั่นไฟทำงานไม่ทัน หลังสวดมนต์เสร็จก็ให้ผู้ปฏิบัติธรรมที่ถือศีล 8 ไปรับน้ำปานะ ส่วนคนที่ไปร่วมงานที่ถือศีล 5 สามารถรับได้ทั้งน้ำปานะและข้าวต้ม ตามสะดวกถือเป็นช่วงเวลาพักผ่อนอิริยาบทและเข้าห้องน้ำห้องท่าทำกิจส่วนตัว แล้วก็นัดรวมพลกันอีกทีตอน 21.00 (ปกติจะรวมกันเร็วกว่านี้แต่เนื่องจากไฟดับ รอช่างแก้ไขอยู่เลยนัดช้าออกไป) แต่ว่าส่วนใหญ่ก็ขึ้นมาก่อนเวลานัด
ช่วงที่ 2 : ก็จะมีพิธีสงฆ์ต่างๆโดยแบ่งเป็น 2 ช่วงช่วงต้นและช่วงท้าย โดยช่วงต้นเริ่มต้นโดยให้ประธานในพิธี จุดเทียนธูป บูชาพระ กราบพระ อาราธนาศีล ขอขมาพระรัตนตรัยและสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็กล่าวคำชำระหนี้สงฆ์และถวายปัจจัยชำระหนี้สงฆ์(มีใครสงสัยคำว่าการชำระหนี้สงฆ์ไหม?ถ้ามีไว้ไปอ่านรายละเอียดตอนท้ายนะคะ) แล้วก็ฟังพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติธรรมเวฬุวันให้โอวาท พอให้โอวาทเสร็จในช่วงเวลาราวๆ 22.30-23.30 ก็จะเป็นพิธีสฆ์ช่วงหลัง โดยเริ่มต้นที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร ตามด้วยเจ้าภาพถวายเครื่องไทยธรรม เป็นไงหล่ะและแล้วซือเจ๊ก็ได้มีโอกาศฟังธัมมจักรกัปปวัตนสูตร แบบสดๆกะเค้าซักที 😛 จากนั้นเวลาราวๆเที่ยงคืนพระสงฆ์ก็จะเริ่ม สวดชะยันโต ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ผู้ร่วมพิธีแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล และรับพร และก็ตามด้วยพระครูปลัดนำทำวัตรเช้า รับปีใหม่ พ.ศ.๒๕๕๒ การทำวัตรเช้าพระครูให้สวดแบบย่อไม่ต้องแปล ไม่งั้นได้เสร็จพีธีกันเช้าเลยหล่ะ หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จก็รับของขวัญปีใหม่เป็นหนังสือ 2 เล่มชื่อ ตรึก กับ 80 ปีธรรมตัญญุตา แล้วก็แจกเหรีญที่ชื่อ พระพุทธคุณมหาวิสุทธิธารณีมีสองสี ดำ กับ ขาว แต่เจ๊ได้สีดำมา แล้วก็อีกอันคือแจกน้ำเอนไซน์ที่หมักโดยทางศูนย์เอง สำหรับล้างผักและผลไม้ กว่าจะแจกกันเสร็จก็ราวๆตีหนึ่ง ก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนที่เรือนนอน และนัดทำบุญตักบาตรปีใหม่ตอนเช้าที่เวลา 6.30 น. ขอบอกช่วงดึกๆหนาวมากๆ พอตอนเช้าก็ทำบุญตักบาตรแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านบางคนก็อยู่ปฏิบัติธรรมต่อก็มี ตามแต่ใครสะดวก สำหรับซือเจ๊ทำบุญตักบาตรตอนเช้าเสร็จก็กลับบ้านทันที เรื่องปฏิบัติธรรมเอาไว้เข้าร่วมโครงการตอนเดือนเมษาดีกว่า เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีแล้ว
ซือเจ๊เล่าละเอียดไปไหม?หวังว่าคงยังไม่ขี้เกียจอ่านกันนะ เล่าไม่ละเอียดเดี๋ยวไม่เห็นภาพ 😛 ระว่างสวดมนต์ไปก็จะมีช่วงเวลาให้พักบ้าง และก็ขอแจ้งข่าวดีสำหรับคนที่ส่งข้อความ SMS มาอวยพรปีใหม่ให้ซือเจ๊ตอนช่วงเวลา 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืนนี้ บอกได้เลยว่าได้รับบุญร่วมกันนะเขากำลังสวดบทสวดธรรมจักรและบทสวดอะไรไม่รู้รู้แต่ว่าเป็นมงคงมากๆและต้องขออภัยที่ไม่ได้ส่ง SMS หาใครก่อนเลยเนื่องจากสวดมนต์อยู่ออกมาถึงได้ส่ง แต่ซือเจ๊ได้พิมพ์ข้อความสำเร็จรูปไว้หนึ่งข้อความ สำหรับคนที่ส่งมาช่วงเวลาดังกล่าวก็จะได้รับการตอบกลับทันที
ซือเจ๊ถ่ายรูปบรรยากาศภายในงานมาเยอะทีเดียว ปกติถ้าซือเจ๊แต่งชุดขาวเข้าร่วมการปฏบัติธรรม ซือเจ๊ค่อนข้างตั้งใจและถือกฏระเบียบเคร่งมากๆ จึงมักจะไม่พกกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์เข้าไปด้วยเนื่องจากมันดูไม่เหมาะสม เพราะถือศีล 8 อยู่ ต้องอยู่ในอาการสำรวมที่สุด แต่การไปสวดมนต์ข้ามปีก็ไม่มีอะไรมากเพราะถือศีล 5 ปกติเลยสามารถถ่ายภาพมาฝากได้ สนใจดูรูปวันงานทั้งหมดได้ที่ เว็บไซต์ของทางศูนย์
คราวนี้ก็มาดูภาพบางส่วนที่ซือเจ๊เก็บมาฝากกันดีกว่า …
กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี จัดขึ้นที่ศาลา 72 ปีหลังนี้แล้วก็นอนพักด้านล่างศาลานี้ด้วยบางส่วน เพราะที่อาคารสุริสาเต็ม! ภาพนี้ถ่ายตอน 6 โมงเช้า
บรรยากาศภายในอาคาร ขณะเข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปี
ตอนแรกๆก็ขยันสวดกันอย่างตั้งอกตั้งใจ สวดไปพร้อมๆกับพระ หลังๆปล่อยให้พระสวดไปตามลำพัง ที่เหลือแรงเริ่มตกดูสภาพแต่ละคน 😀 อู้กันเห็นๆฮ่าๆ..
ชาวต่างชาติพร้อมครอบครัว ที่บินมาเพื่อปฏบัติธรรมที่ศูนย์ อยู่ได้หลายอาทิตย์แล้ว ก็เข้าร่วมกิจกรรมเช่นกัน ไหว้สวยนะเนียะ.!!
ถุงบุญที่ซือเจ๊ พกติดตัวไว้ใส่สำพารกส่วนตัว ตุงไปไหม เจ๊บ้าหอบฟางฮ่าๆ..
หนังสือสวดมนต์ที่ซือเจ๊ซื้อไปถวายเมื่อตอนเช้า พอตกเย็นก็ไปหยิบมาใช้ อิอิ ของใหม่แกะกล่องเลย แล้วก็เป็นหนังสือที่ใช้ทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและใช้เป็นประจำทุกวันสำหรับที่นี่
ของขวัญปีใหม่ที่เป็นของแจกจากทางศุนย์และเวลาเลิกงาน(เค้าไม่ได้แจกนาฬิกานะอย่าเข้าใจผิด นี่มันของเจ๊เอิ๊กๆ..)
ดูกันพอหอมปากหอมคอ ถ้าอยากดูให้จุใจก็ตามไปดูได้ที่เว็บไซต์ของศูนย์นะคะ http://www.dhammaforever.com/main/
หมายเหตุ : การชำระหนี้สงฆ์ หลายๆคนอาจจะงงว่า ทำไมต้องชำระ เราไปเป็นหนี้สงฆ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จริงๆแล้วพวกเราหลายๆคนอาจจะเคยหยิบฉวยสิ่งของอันเป็นสมบัติของวัดหรือของสงฆ์ไปโดยไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจก็ตาม จะเป็นสิ่งของที่มีค่าหรือไม่มีค่าก็ตาม สิ่งของเหล่านั้นได้แก่เศษหิน เศษดินที่ติดรองเท้าเราออกมาก็ดี ผลไม้ ดอกไม้ ใบไม้ในวัดก็ดี หรือบางทีไปใช้ธูป เทียน ใช้ไฟฟ้าของวัด พัดลม แสงสว่างจากไฟฟ้า กินข้าววัด เข้าห้องน้ำวัด นอนที่วัด แล้วเราไม่ได้ทำบุญตอบแทนอะไรกลับให้แก่ทางวัดเลย สิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เรากลายเป็นหนี้สงฆ์ทันทีโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหลายๆวัดเขาจึงมักจะมีตู้สำหรับ รับบริจาคที่มักเขียนไว้ว่า “ชำระหนี้สงฆ์” แล้วเคยสังเกตไหมว่าทำไมคนแก่โบราณถึงนิยมเคาะทรายออกจากรองเท้าก่อนออกจากวัดเพราะไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นหนี้สงฆ์มากไปกว่านี้ อีกอย่างกรรมจากการเป็นหนี้สงฆ์นี้ใหญ่หลวงนัก และสามารถล่วงละเมิดกันได้ง่ายๆดังนั้นเวลาเข้าวัดไปทำบุญที่ไหน ก็อย่าลืมทำบุญชำระหนี้สงฆ์ด้วยนะคะจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันไป เขาว่ากันว่าถ้าทำบุญเกินมันจะกลายเป็นสังฆทานไปในตัว ดังนั้นไม่ต้องกลัวเสียดุลนะคะ 😛
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
เรื่อง “ชำระหนี้สงฆ์” ผมก็เพิ่งทราบรายละเอียดจริงๆ ก็วันนี้เอง ขอบคุณมากนะครับ ที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆ ให้ได้ทราบกันครับ 🙂
อิอิ..หายเหนื่อยหรือยังคะ มาขอร่วมอนุโมทนาบุญกับซือเจ๊ด้วยคนน่ะค่ะ 😀
เข้าวัดเข้าวาดีจริง ๆ เลยครับ สวดมนตร์ข้ามปีเลยเหรอครับเนี่ย เพิ่งรู้ว่าหนี้สงฆ์นี้มันเป็นอย่างนี้ครับ ต้องชำระมั่งแล้ว
หนี้สิไม่ใช่หนี พิมพ์ตก อิอิ
@udom ,เก่ง เรื่องการชำระหนี้สงฆ์ ซือเจ๊ก็พึ่งมารู้รายละเอียดชัดเจนก็ไปงานนี้เหมือนกันคะ พอดีอาจารย์วิทยากรช่วยอธิบายให้ฟังคะ จริงๆไปวัดก็เจอบ่อยนะคะคำนี้ แต่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจกันเลยไม่เคยรู้ แฮ่ะๆเจ๊ก็คนหนึ่งหล่ะคะ
@siriluck ซือเจ๊กลับมาตั้งแต่วันที่ 2 แล้วหล่ะคะตอนนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว เลยตั้งหน้าตั้งตาเขียน blog ซะยาวเลยหล่ะ entry เดียวจบไม่อยากแบ่งหลายตอน เก่งนะเนียะอ่านกันจนจบได้ เอ๊ะหรือว่าเนียน? 😛
ปล.น้องเก่ง ถ้าพิมพ์ตกหล่น จริงๆไม่ตอ้งโพสแก้ไขก็ได้คะ ปกติซือเจ๊ช่วย Review และแก้ไขให้ถูกต้องอยู่แล้วคะ 😛
ยกนิ้วโป้งให้เลย ^__^
@โปรแกรมบัญชี เนียนเม้นหรือเปล่าเนียะ 😛 ดูเหมือนจะอ่านไม่จบแล้วเม้น ฮ๋าๆ
เอามาฝากไว้ในนี้นะเจ๊ …
Q: สรุปไปเฝ้าดูลมหายใจ ที่ไม่ใช่ของเรา ของใครก็ไม่รู้ แล้วสมาธิเกิดขึ้นที่ตรงไหน จิตจะกำหนดรู้ได้อย่างไร…แล้วจะพิจารณาทุขเวทนาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ว่าขณะนี้มันเกิดหรือมันดับ
A: เอาอย่างนี้ดีกว่า วิธีไหนก็ได้ ถ้าวิธีทำถูกต้อง วิธีคิดถูกต้อง ผลก็ได้เหมือนกัน อุปมาเดินขึ้นเขา เดินได้หลายทาง ปลายทางคือยอดเขาเหมือนกัน นะครับเจ๊
ผมฝาก link นี้มาให้ ลอง download ไปฟังดู ฟังเพลินๆ ไม่ต้องตั้งใจ(เพ่ง)อะไรมากมาย น่าจะเข้าใจได้ดีกว่าผมอธิบายครับ
http://www.wimutti.net/pramote/mp.php
บุญรักษาครับ
: )
ลืมไปประโยคหนึ่ง “อย่าเดินขึ้นเขาคนละลูกก็แล้วกัน” อิอิ
: )
@ขุนอรรถ ขอบคุณมากคะสำหรับคำตอบและ link 😛
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆทำให้เราได้รู้เยอะเลย
@มั่นคง ว่างๆลองแวะไปดูซักปีนะคะ เลือกวัดใกล้ๆบ้านก็ได้ บางทีอาจได้มีโอกาสฟังบทสวดแปลกๆ โบราณๆที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยฟัง เป็นกำไรชีวิตอีกแบบ 😛
อยากได้หนังสือสวดมนต์ที่ใช้สวดพระธรรมจักกัปปวัตนสุตัง กับ 12 ตำนาน
ที่ใช้สวดข้ามปี 53 มา 53 ค่ะ ไม่ทราบว่า พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไหน
@aeing หนังสือเล่มนี้ทางวัดเคยแจกเมื่อปี 2550 ครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้แจกอีกเลย สงสัยไม่มีใครพิมพ์บริจาค ในปีต่อๆมาจึงไม่มีแจก แต่ขอแก้ไขนิดหนึ่งนะคะชื่อหนังสือสวดมนต์พระธรรมจักกัปปวัตนสุตัง และบทสวด 7 ตำนาน ไม่ใช่ 12 ตำนานคะดูเหมือนมันจะเล่มสีเขียวๆ ถ้าสนใจก็ลองโทรสอบถามได้ที่โรงพิมพ์เม็ดทราย ดูนะคะเบอร์โรงพิมพ์ 02-882-5492-3 แต่ที่ปกหน้ามีเขียนไว้ว่า ผู้ใดสนใจพิมพ์หนังสือเล่มนี้กรุณาติดต่อ 086-902-2002 และ 081-471-8384
ปล.ปีนี้ซือเจ๊ไม่ได้กลับขอนแก่นเลยไม่ได้ไปร่วมงานสวดมนต์ข้ามปีที่เวฬุวันเลย น่าเสียดายจริงๆ และก็ขอโทษทีที่ตอบช้าพอดีพึ่งกลับจากต่างจังหวัด.. หวังว่าคงทำให้ตามหาหนังสือเล่มนี้เจอ และถ้าตั้งใจพิมพ์ถวายจริงๆก็อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ 🙂